วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ความปลอดภัยของระบบเครือข่ายไร้สาย IEEE 802.11




ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับความสำคัญกับความปลอดภัยของเครือข่ายไร้สายเป็นที่หนึ่ง
อันดับแรกก็เพราะว่าเครือข่ายไร้สายนั้นใช้คลื่นวิทยุเป็นพาหะ ซึ่งสามารถถูกดักฟังหรือลักลอบเข้าใช้งานได้
โดยง่าย ทาให้เราต้องป้องกันการลักลอบใช้หรือว่าการดักจับข้อความ หรือข้อมูลที่ส่งผ่านทางเครือข่าย
ออกไปก่อน ถ้าเกิดว่าไม่การรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายไร้สาย เราพบว่าจะมีภัยคุกคามมากมาย
เข้ามาสู่ระบบเครือข่ายของเรา เช่น ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลต่างๆ ก็จะสูญไปมาตรฐาน IEEE 802.11
ได้กำหนดให้มีทางเลือกสาหรับสร้างความปลอดภัยให้กับเครือข่าย LAN แบบร้าย ด้วยกลไกซึ่งมีเชื่อ
เรียกว่า WEP (Wired Equivalent Privacy) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยกับเครือข่าย LAN
แบบไร้สายให้ใกล้เคียงกับความปลอดภัยของเครือข่าย LAN แบบที่ใช้สายนาสัญญาณ (IEEE 802.3
Ethernet) บทบาทของ WEP แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ
การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่ไม่มีรหัสข้อมูลสามารถเข้าใจหรือ
เปลี่ยนแปลงข้อมูลที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศได้
การตรวจสอบผู้ใช้ (Authentication) เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่ไม่มีรหัสผ่านสามารถเข้าใช้เครือข่ายได้
สาหรับเครือข่าย IEEE 802.11 LAN ผู้ใช้ (เครื่องลูกข่าย) จะมีสิทธิในการรับส่งสัญญาณข้อมูลในเครือข่าย
ได้ก็ต่อเมื่อได้รับการตรวจสอบแล้วได้รับอนุญาต ซึ่งมาตรฐาน IEEE 802.11 ได้กาหนดให้มีกลไกสาหรับ
การตรวจสอบผู้ใช้ (Authentication) ใน 2 ลักษณะคือ Open System Authentication และ Share
Key Authentication ซึ่งเป็นดังต่อไปนี้
2.1.1 Open System Authentication
การตรวจสอบผู้ใช้ในลักษณะนี้เป็นทางเลือกแบบ Default ที่กำหนดไว้ในมาตรฐาน IEEE 802.11 ในการตรวจสอบแบบนี้จะไม่ตรวจสอบรหัสลับจากผู้ใช้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ผู้ใช้
ใดๆ ก็ได้สามารถเข้ามารับส่งสัญญาณในเครือข่ายนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบแบบนี้อุปกรณ์ที่
ทาหน้าที่เป็นสถานทีแม่ข่ายไม่จาเป็นต้องอนุญาตให้สถานีผู้ใช้เข้ามาใช้เครือข่ายได้เสมอไป ในกรณีนี้
บทบาทของ WEP จึงเหลือกแต่เพียงการเข้ารหัสข้อมูลเท่านั้น กลไกการตรวจสอบแบบ Open System
Authentication มีขั้นตอนการทางานดังต่อไปนี้
2.1.1.1 สถานีที่ต้องการจะเข้ามาร่วมใช้เครือข่ายจะส่งข้อความซึ่งไม่ถูกเข้ารหัสเพื่อขอรับการ
ตรวจสอบ (Authentication Request Frame) ไปยังอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายโดยในข้อความ
ดังกล่าวจะมีการแสดงความจานงเพื่อรับการตรวจสอบแบบ Open System Authentication
2.1.1.2 อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายโต้ตอบด้วยข้อความที่แสดงถึงการตอบรับหรือ
ปฏิเสธ การร้องขอดังกล่าว 
การตรวจสอบผู้ใช้แบบ Share Key Authentication จะอนุญาตให้สถานทีผู้ใช้ซึ่งมีรหัสลับ
ของเครือข่ายนี้เท่านั้นที่สามารถเข้ามารับส่งสัญญาณกับอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายได้ โดยมีการใช้
เทคนิคถามตอบที่ใช้กันทั่วไปผนวกกับการเข้ารหัสด้วย WEP เป็นกลไกสาหรับการตรวจสอบ (ดังนั้น การ
ตรวจสอบแบบนี้จะทาได้ก็ต่อเมื่อมีการ Enable การเข้ารหัสด้วย WEP) กลไกการตรวจสอบดังกล่าวมี
ขั้นตอนดังนี้
2.1.2.1 สถานีผู้ใช้ที่ต้องการจะเข้ามาร่วมใช้เครือข่ายจะส่งข้อความซึ่งไม่ถูกเข้ารหัสเพื่อขอรับ
การตรวจสอบ (Authentication Request Frame) ไปยังอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เป็นสถานีแม่ข่ายโดยใน
ข้อความดังกล่าวจะมีการแสดงความจานงเพื่อรับการตรวจสอบแบบแชร์คีย์
2.1.2.2 หากสถานีแม่ข่ายต้องการรับการร้องขอดังกล่าวจะมีกาส่งข้อความที่แสดงถึงการตอบ
รับและคาถาม (Challenge text) มายังเครื่องลูกข่าย ซึ่ง challenge text ดังกล่าวมีขนาด 128 ไบต์ และ
ถูกสุ่มขึ้นมา (โดยอาศัย PRNG) หากอุปกรณ์แม่ข่ายไม่ต้องการตอบรับการร้องขอดังกล่าวจะมีการส่ง
ข้อความที่แสดงถึงการไม่ตอบรับ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของการตรวจสอบครั้งนี้
2.1.2.3 หากมีการตอบรับจากสถานีแม่ข่าย สถานีผู้ใช้ขอรับการตรวจสอบจะทาการเข้ารหัส
ข้อความคาถามที่ถูกส่งมาโดยใช้รหัสลับของเครือข่ายแล้วส่งกลับไปยังสถานีแม่ข่าย
2.1.2.4 สถานีแม่ข่ายทาการถอดรหัสข้อความที่ตอบกลับมาโดยใช้รหัสลับของเครือข่าย
หลังจากถอดรหัสแล้วหากข้อความที่ตอบกลับมาตรงกับข้อความคาถาม Challenge text ที่ส่งไปสถานี
6
แม่ข่ายจะส่งข้อความที่แสดงถึงการอนุญาตให้สถานีผู้ใช้นี้เข้าใช้เครือข่ายได้ แต่หากข้อความที่ตอบ
กลับมาไม่ตรงกับข้อความคาถาม สถานีแม่ข่ายจะโต้ตอบด้วยข้อความที่แสดงถึงการไม่อนุญาต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น